ย้อนกลับไปในช่วงทศวรรษที่ 90 บรรดาผู้ที่ชื่นชอบในกีฬาจักรยานคงจะไม่มีใครไม่รู้จัก ยอดนักปั่นน่องเหล็กชาวอเมริกัน ผู้สร้างเรื่องราวต่าง ๆ ที่น่าสนใจไว้ให้กับวงการนักปั่นทั่วโลก ทั้งในด้านที่ดีและไม่ดี และเรื่องราวของเขานั้นมันน่าสนใจขนาดที่ว่า มีการนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์กันเลยทีเดียว วันนี้เราจะมาย้อนรำลึกเรื่องราวของเขา ชายผู้ที่เป็นทั้งยอดนักปั่น เป็นทั้งแรงบันดาลใจ และเป็นทั้งไอ้ขี้โกงในคนเดียวกัน
แลนซ์ เอ็ดเวิร์ด อาร์มสตรอง เกิดที่รัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐ อเมริกา เขาเริ่มต้นชีวิตนักปั่นจักรยาน ประเภทถนนอาชีพตั้งแต่ปี 1991 ก่อนจะคว้าแชมป์โลกครั้งแรก ในรายการยูซีไอ โร้ด เวิร์ลด์ แชมเปี้ยนชิพ ที่ประเทศนอร์เวย์ ก่อนที่เขาจะมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก เมื่อปี 1999 เขาคว้าแชมป์จักรยานประเภทถนน รายการใหญ่ที่สุดและขึ้นชื่อว่ามีเส้นทางที่ยากที่สุดของโลก อย่างตูร์ เดอ ฟร้องค์ และที่สำคัญคือเขาคว้าแชมป์รายการนี้ติดต่อกันถึง 7 สมัย
เรื่องราวของเขามันยิ่งเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่มากขึ้นไปอีกเมื่อมีการเปิดเผยว่า เมื่อปี 1996 มีการตรวจพบว่าเขาเป็นมะเร็งที่สมอง ปอด และลูกอัณฑะ ผู้คนต่างชื่นชมในความพยายามที่เขาต่อสู้กับโรคร้าย จนเอาชนะมันได้และกลับมาเป็นแชมป์อย่างยิ่งใหญ่ และมันเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้คนทั่วโลก ให้มีแรงต่อสู้ชีวิตและโรคร้าย เขาคือฮีโร่ตัวจริง สายรัดข้อมือสีเหลืองอันเป็นสีเสื้อของผู้นำเวลารวม ตูร์ เดอร์ ฟร้องค์ พร้อมสัญลักษณ์ LIVESTRONG ซึ่งเป็นชื่อมูลนิธิที่เขาก่อตั้ง ถูกขายออกไปกว่า 80 ล้านเส้นทั่วโลก ถ้าชีวิตนักกีฬาอาชีพของเขาจบลงเพียงเท่านี้ นั่นจะทำให้เขากลายเป็นซูเปอร์ฮีโร่ ที่เก่งที่สุดในวงการจักรยานอย่างไม่ต้องสงสัยเลยทีเดียว แต่ในความเป็นจริงมันกลับไม่เป็นแบบนั้นนี่สิ
เมื่อวงการปั่นจักรยานเอาจริงเอาจังกับเรื่องการใช้สารต้องห้าม และเพื่อนร่วมทีมของเขาถูกริบแชมป์รายการตูร์ เดอ ฟร้องค์ ด้วยเหตุผลในเรื่องไม่ผ่านการตรวจโด๊ป และมีการซัดทอดว่าอาร์มสตรองก็มีการใช้สารกระตุ้นเช่นกัน รวมถึงบังคับให้เพื่อนร่วมทีมคนอื่น ๆ โด๊ปด้วย ถึงแม้ว่าเขาให้การปฏิเสธและขั้นตอนการโด๊ปที่แนบเนียนและซับซ้อนของเขาจะมิดชิดเพียงใด แต่องค์กรต่อต้านการใช้สารกระตุ้นของสหรัฐอเมริกา (USADA) ก็ไม่ยอมเลิกราง่าย ๆ พวกเขาใช้เวลาหลายปีในการสืบเสาะค้นหาข้อมูลความผิดของอาร์มสตรอง จนกระทั่งวันที่ 24 สิงหาคม 2012 พวกเขาได้ประกาศคำตัดสิน พร้อมด้วยผลการสืบสวน 200 หน้า หลักฐานต่าง ๆ กว่า 1,000 หน้า คำสารภาพจากอดีตเพื่อนร่วมทีม 11 คน และพยานปากเอก 15 ปาก ยืนยันว่าเขามีความผิดจริง นั่นเท่ากับว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาสร้างมา ถูกริบคืนไปหมด
ทั้งแชมป์ตูร์ เดอ ฟร้อง 7 สมัย รวมทั้งเหรียญทองแดงโอลิมปิก ปี 2000 มูลนิธิต่าง ๆ ที่เขาสร้าง ผู้สนับสนุนที่เคยหนุนหลัง ถอนตัวสูญเสียรายได้ กว่า 80 ล้านเหรียญ รวมทั้งถูกตัดสิทธิ์การแข่งขันกีฬาจักรยาน และกีฬาทุกประเภทที่คณะกรรมการโอลิมปิกสากลให้การรองรับ ทั้งหมดที่สร้างมาในชีวิตนักกีฬา หายวับไปกับตาเลยทีเดียว
ถึงแม้ว่าทุกอย่างในชีวิตนักกีฬาอาชีพของเขาจะจบลงไปแล้ว อย่างไม่สวยงามนัก แน่นอนว่าความผิดของเขา ก็คือความผิดที่ไม่สามารถโต้แย้งได้ แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเรื่องราวของเขานั้น ได้สร้างอะไรหลายอย่างไว้ให้กับวงการกีฬาจักรยานและผู้คนทั่วไปทั้งโลก มีผู้คนที่สิ้นหวัง กี่คนที่ลุกขึ้นมาสู้อีกครั้งเพราะเขา มีผู้ป่วยกี่คนที่เอาชนะโรคร้ายได้เพราะมีเขาเป็นแรงบันดาลใจ และสิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นเพราะเขาคือ การยกระดับมาตรฐานการตรวจสารกระตุ้นของโลกกีฬานั่นเอง