เคยสงสัยกันหรือไม่ ว่าสนามแข่งขันจักรยานมีกี่แบบ และสนามในลักษณะแบบไหน ถึงจะเป็นที่นิยมและผู้ปั่นอยากจะไปพิชิตมากที่สุด ซึ่งความวิบากของสนามต่างก็เป็นปัจจัยสำคัญอีกประการ ที่จะทำให้การแข่งขันนั้นท้าทายและน่าจดจำ ไม่ว่าจะเป็นในทัศนะของคนดูหรือนักกีฬาเองก็ตาม
สนามแข่งขันการปั่นจักรยาน เราจะเห็นกันอยู่ใหญ่ ๆ 2 แบบ คือ สนามแบบเรียบและสนามวิบาก ซึ่งสนามแบบเรียบจะมีเส้นทางปกติ ที่เราสามารถขับขี่ได้ตามพื้นที่ทั่ว ๆ ไป เช่น สนามกีฬา หรือท้องถนน เป็นต้น เหมือนอย่างที่เราเห็นว่าพักหลัง ๆ จะมีการจัดกิจกรรมการปั่นจักรยานบ่อย ๆ อย่างเช่นงาน Bike For Dad หรือ Bike For Mom โดยสนามแข่งประเภทนี้จะไม่เน้นการขับเขี้ยวกันด้วยพละกำลังของนักกีฬาหรือตัวจักรยาน แต่จะใช้ระยะทางเป็นตัวตัดสิน ว่าในช่วงทางตรงใครหรือทีมใด จะมีลีลาในการทำความเร็วตีตื้นได้มากกว่ากัน ถ้าหากมองด้วยตาเปล่าอาจดูเหมือนง่าย เป็นแค่เพียงการขับขี่ในเส้นทางตรง แต่เพราะง่ายนี่ล่ะ จึงทำให้คู่แข่งมีจำนวนมาก ยากที่จะทิ้งห่าง การแข่งขันปั่นจักรยานทางเรียบเลยต้องอาศัยฝีมือ กลยุทธ์ของทีม และไหวพริบล้วน ๆ ในการที่จะได้เป็นหนึ่ง
ต่อมาเป็นในส่วนของสนามวิบาก ซึ่งเป็นสนามที่ฟังชื่อก็รู้แล้วว่าต้องยากและโหดเพราะวิบากสมชื่อโดยส่วนใหญ่แล้ว สนามวิบากมักจะจัดขึ้นตามแนวเขา เช่น ตามดอยต่าง ๆ เป็นต้น หรือถูกจัดขึ้นโดยเฉพาะอย่างที่เรามักเห็นกันในต่างประเทศบ่อย ๆ ถือเป็นสนามที่ต้องวัดกันด้วยพลังใจและพลังกายอย่างแท้จริง
สนามปั่นจักรยานที่ปั่นไปตามแนวเขา มีจุดเด่นอยู่ตรงที่ต้องใช้พลังในการเคลื่อนตัวไปตามเส้นทางที่ต้านกับแรงโน้มถ่วงอยู่ตลอดเวลา ในส่วนนี้ถ้าหากผู้เข้าแข่งขันหรือนักกีฬาไม่ได้จักรยานที่เป็นตัวช่วยที่ดีในการปั่นบนสนาม เช่น ได้เกียร์ที่ช่วยผ่อนกำลัง หรือล้อที่เกาะหนึบบนถนน เป็นต้น ก็ยากที่จะทรงตัวให้จักรยานผ่านจุดที่อันตรายไปได้ เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่า ตามแนวเขามีความชันอยู่มาก หากพลาดแม้แต่นิดเดียวก็เสี่ยงจะเกิดอุบัติเหตุได้ ผู้ที่ปั่นจักรยานในสนามนี้จึงจำเป็นต้องอาศัยทั้งการฝึกฝน และมีการลองสนามมาแล้วก่อนลงแข่ง เพื่อเซฟความปลอดภัยของตนเองให้ได้มากที่สุด
ส่วนสนามวิบากที่เป็นสนามสำเร็จ จะประกอบไปด้วยเส้นทางที่ทั้งราบ ชัน และมีการหักโค้ง พื้นถนนที่ใช้แข่งก็จะเป็นในลักษณะผสม เช่น ลูกรัง ดินทราย เป็นต้น สาเหตุที่ต้องผสมก็เพื่อจะเพิ่มความทรหดและความยากให้กับนักฬีกา ที่ต้องใช้ทั้งสมาธิในการคำนวณเส้นทาง ใช้ทั้งพละกำลัง และต้องอาศัยอุปกรณ์อย่างจักรยานที่ฟิตมาเป็นอย่างดี ปัจจุบันการแข่งด้วยสนามวิบากสำเร็จ จึงหาดูได้ไม่บ่อย และมีคนเข้าร่วมแข่งขันเฉพาะกลุ่ม เพราะเป็นสนามที่ต้องใช้ความสามารเฉพาะตัวค่อนข้างสูง
อย่างไรก็ดี สนามการปั่นจักรยานในแต่ละรูปแบบ ก็ถูกจริตกับนักกีฬาที่แตกต่างกัน บางคนอาจจะชอบเน้นการปั่นยาว ๆ นาน ๆ แบบสนามทางเรียบ หรือบางคนชอบปั่นโดยใช้พละกำลังมาก ๆ ก็จะชอบสนามประเภทวิบาก แต่สำหรับมือใหม่ที่ต้องการฝึกก่อนลงสนามหรือมีทีมที่สังกัด ก็ควรศึกษา และตกลงกับตัวเองให้ดี ว่าถนัดการลงสนามแบบไหน เพื่อจะได้เลือกซื้อจักรยานให้เหมาะสมและตั้งรับกับวิธีการเกิดอุบัติเหตุได้อย่างเหมาะสม